Judas and the Black Messiah ในทุกการต่อสู้ย้อมมีความสูญเสียและมีผู้ทรยศ หนังเข้มข้นและซีเรียสมาก...
.
คำว่า ปล่อยเพื่อนเรา ลอยเข้ามาในความคิดตลอดเวลาที่ดู Judas and the Black Messiah การต่อสู้ของนักปฏิวัติ การต่อสู้เพื่อความเสมอภาคมันมีมาช้านานเข้มข้นตลอดเวลาและมันเปลี่ยนโมเมนตัมไปเรื่อยๆ แม้ปัจจุบันเรื่อราวของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของคนผิวสีมันอาจจะไม่ได้เข้มข้นมากเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็โดนจุดขึ้นมาเสมอเพราะแท้ที่จริงแล้วความเสนอภาคเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงมันยังไม่เกิดขึ้น การเหยียดผิว การมองคนไม่เท่ากันมันยังมีอยู่เสมอ Judas and the Black Messiah เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่นำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ของกลุ่มBlack Panther Party แห่งรัฐอิลลินอยส์ ที่โดนรัฐบาลตั้งข้อหาว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธของคนผิวสีที่นิยมความรุนแรง ซึ่งนำพามาจนถึงการลอบสังหาร เฟรด แฮมป์ตัน ยุวชนปลดแอกคนผิวสีที่อายุเพิ่งจะ 21 ในตอนนั้น!!
.
Judas and the Black Messiah เล่าถึงเรื่องราวของ วิลเลียม โอนีล (ลาคีธ สแตนฟีลด์) หนุ่มผิวสีที่โดนตำรวจจับในข้อหาสวมรอยเป็น FBI เข้าไปขโมยรถ และโอนีลได้รับข้อเสนอจากทาง FBI ให้เข้าไปแทรกซึมเป็นหนอนบ่อนไส้อยู่ใน Black Panther Party คอยจับตาดู จับตาดู เฟรด แฮมป์ตัน (แดเนียล คาลูยา) แกนนำยุวชนปลดแอกคนผิวสีที่กำลังเป็นนักปฎิวัติ เป็นแกนนำดาวรุ่งผู้คุมฝูงชนในตอนนั้น จนนำไปสู่การลอบสังหาร เฟรด แฮมป์ตัน แบบแทบจะยกครัว
.
Judas and the Black Messiah เล่าเรื่องได้ซีเรียส จริงจัง ผ่านงานโปรดักชั่นและงานเพลงที่ทรงพลังเอามากๆ การแสดงของ แดเนียล คาลูยา ในบทแกนนำยุวชนปลดแอกเนี่ย บอกเลย เค้านำเสนอภาพของแกนนำที่ดูทรงพลัง ดูมีการศึกษา พูดจาดี และมีเสน่ห์แบบมีพลังในการนำฝูงชนและเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนหมู่มากได้เป็นอย่างดี ตอนดูนี่คือขนลุกตอลด และไม่ได้รู้เลยว่าเป็นตัวเต็งออสการ์ แต่พอได้ออสการ์ก็ไม่แปลกใจ แต่ที่แปลกใจกว่าคือ ลาคีธ สแตนฟีลด์ ในบทโอนีลตะหาก จริงๆควรไปชิงนำชายมากกว่าสมทบชายด้วยซ้ำเพราะบทนี่คือลีดตลอดเรื่อง แต่เอาจริงๆไปสายนำชายก็ไม่ได้ว่าจะชนะได้ง่ายๆ
.
ตัวหนัง Judas and the Black Messiah เนี่ย ภาพรวมมันดีมาก ติดอยู่นิดหน่อยคือพวกทีมนักแสดงในเรื่องดูอายุเยอะไปหน่อย อย่างคาลูย่าเนี่ย ในเรื่องคืออายุแค่21 เอง แต่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ไปนิด รวมถึงเยาวชนในเรื่องหลายคนก็ดูอายุมากไป แต่ภาพรวมทุกคนแสดงดีหมดเลยนะ นางเอกที่เป็นเมียนั่นก็เล่นดี๊ดี
.
การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมโดยทั่วไปยังไงก็ต้องอาศัยพลังเยาวชนคนรุ่นใหม่นั่นแหละ พวกเค้ามีพลังเหลือเฟือ แต่ก็มักถูกเตะตัดขาด้วยการยัดข้อหา และทำให้สูญเสียอิสระภาพ ปล่อยเพื่อนเรา ดังก้องในสมองตลอดเวลา หนัง Judas and the Black Messiah นี่คือเป็นสื่อที่ทรงพลังมากนะครับ น่าเสียดายมากที่ตอนนี้โรงหนังปิดแล้ว เลยไม่ได้เข้าไปดูในโรงกัน ตอนนี้รอให้โรงเปิดแล้วกลับไปชมกันนะครับ ส่วนตัวเรื่องนี้ผมให้ 8.5/10